การดึงหน้า เป็นเทคนิคการศัลยกรรมยกกระชับใบหน้าและลำคอ เพื่อลดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย ที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของอายุหรือการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว โดยเป้าหมายหลักคือการคืนความอ่อนเยาว์และสมดุลให้ใบหน้า
SMAS คืออะไร?
ชั้นผิวหนังใบหน้าประกอบไปด้วย 4 ชั้นหลัก คือ ผิวหนัง, ไขมันใต้ผิวหนัง, ชั้น fascia และชั้นกล้ามเนื้อ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นใบหน้าจะสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง และความหย่อนคล้อยของชั้น fascia จะทำให้เกิดริ้วรอยทั่วใบหน้า
SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) คือ ชั้น fascia ที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อชั้นนอกสุด เป็นเนื้อเยื่อที่คงความแข็งแรงของใบหน้า ซึ่งหากยกกระชับชั้น SMAS นี้ด้วยในการทำศัลยกรรม จะช่วยให้ใบหน้ากระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและถาวรกว่า อย่างน้อย 10 ปี
ใครควรทำ SMAS Face lift?
SMAS face lift สามารถทำได้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาริ้วรอยลึกร่องแก้ม, ผิวหนังหย่อนคล้อยมาก, ริ้วรอยร่องลึกทั่วใบหน้า และริ้วรอยบริเวณคอ นอกจากนี้ยังแนะนำในผู้ป่วยที่ต้องการผลลัพธ์การผ่าตัดที่อยู่ได้นาน ดังนั้นหากคุณมีริ้วรอยร่องลึก รวมถึงผิวหย่อนคล้อย และต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร การศัลยกรรม SMAS face lift อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
วิธีการผ่าตัด SMAS Face Lift
การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า เป็นเทคนิคการศัลยกรรมที่มีความแตกต่างเฉพาะบุคคลสูง เนื่องจากใบหน้าของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน
ความยาวของแผลผ่ากรีดขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการผ่าตัด ซึ่งควรมีความยาวมากพอที่จะแก้ไขปัญหาในบริเวณที่ต้องการได้อย่างครอบคลุม และสามารถกำจัดผิวหนังส่วนเกินได้
ปกติการผ่าตัดแบบ full face lift จะเริ่มต้นบริเวณขมับด้านบนใบหู ไปตามด้านหน้าใบหูและอ้อมมาทางด้านหลังไปหู ไปจบที่บริเวณแฮร์ไลน์หลังใบหู ในปัจจุบันการผ่าตัดแบบ mini face lift เริ่มเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากแผลผ่ากรีดที่มีขนาดเล็กกว่า โดยจะอยู่แค่บริเวณด้านหน้าใบหูเท่านั้น
หลังจากผ่ากรีดแล้วแพทย์จะยกกระชับผิวหนังและชั้น SMAS layer หลังจากนั้นจะทำการแยกชั้นเอ็นยึดที่เชื่อมระหว่างชั้นผิวหนัง, ไขมันและกระดูก เพื่อป้องกันไม่ให้เอ็นยึดเหล่านี้ดึงให้ผิวใบหน้าหย่อนคล้อยลงมาเหมือนเดิม ที่โรงพยาบาล JW ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมชะลอวัย มีการใช้เทคนิค deep plane face lift ซึ่งจะยกกล้ามเนื้อและ fascia ที่อยู่ด้านใต้กระดูกเพื่อแก้ไขกรณีที่มีความหย่อนคล้อยรุนแรง
ในการทำ SMAS plication ส่วนหนึ่งของกล้ามเนื้อจะถูกเย็บอย่างแน่นหนา หลังจากที่พับกล้ามเนื้อส่วนเกินเข้าหากัน เทคนิคนี้ทำให้ความยาวของกล้ามเนื้อลดลงและแก้ไขความหย่อนคล้อยบนใบหน้า
กล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาจะกระชับมากขึ้น ทำให้ร่องลึกใต้ตาลดลง กล้ามเนื้อบริเวณแก้มและร่องแก้มถูกยกขึ้น เช่นเดียวกันกับริ้วรอยบริเวณมุมปาก นอกจากนี้การศัลยกรรม SMAS ช่วยให้ผิวบริเวณแก้มส่วนล่างและคอยกกระชับอีกด้วย
หลังจากชั้น SMAS ถูกจัดตำแหน่งใหม่และยกกระชับเรียบร้อย ผิวส่วนเกินจะถูกกำจัดออกบางส่วน และบางส่วนจะใช้วิธีการม้วนเก็บและยึดชั้น SMAS ไว้ภายใต้กระดูกโหนกแก้มด้านข้าง แทนการตัดทิ้ง เพื่อลดปัญหาการเกิดแผลเป็นและความตึงของผิวมากเกินไป นอกจากนี้จะทำให้ใบหน้าที่ยกกระชับนั้นมีประสิทธิภาพ อยู่ได้นาน และดูมีวอลลุ่มมากขึ้น
การพักฟื้นหลัง SMAS Face lift
การศัลยกรรม SMAS face lift เป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างใหญ่และใช้เวลานาน ทำให้ระยะเวลาพักฟื้นอาจยาวนานถึง 2 – 3 สัปดาห์ และจะมีอาการบวม, ช้ำเป็นปกติ โดยผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้หลังตัดไหม ซึ่งจะตัดประมาณ 10 – 14 วันหลังผ่าตัด อาการช้ำจะเริ่มลดลงหลังผ่านไป 1 สัปดาห์ คุณสามารถเข้ารับเลเซอร์เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำได้ ในทุกครั้งที่มาทำแผลและติดตามผลที่ JW ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการเจ็บปวดหลังผ่าตัด และอาการบวมช้ำเริ่มลดลงหลังผ่าตัด ประมาณ 1 สัปดาห์
หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ อาการบวมใหญ่ๆ จะลดลงเกือบทั้งหมด และรอยฟกช้ำก็จางลง ซึ่งอาการช้ำและบวมภายนอกจะหายไปภายใน 1 เดือน
