ทุกมาตรฐานความงาม หรือ แฟชั่นต่างๆ จะมีจุดพีคของความนิยม บางอย่างอาจได้รับความนิยมนานเป็นศตวรรษ เช่น รูปร่างนาฬิกาทรายของสาวๆ, ชุดสีดำคลาสสิค และบางสิ่งอาจได้รับความนิยมเพียงชั่วไม่กี่ปี หรือ แม้แต่ไม่กี่เดือน การศัลยกรรมเองก็เช่นกัน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงศัลยกรรมที่อาจเสื่อมความนิยมไป ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
ศัลยกรรมดอลลี่อาย (Love band)
มาตรฐานความงามดวงตาของชาวเอเชีย เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มต้นจากการมีตาสองชั้นที่ได้รับความนิยมมานานกว่า 40 ปี และการทำดอลลี่อายใต้ตา ก็ได้ผ่านช่วงพีคมาแล้ว แม้ว่าในตอนนี้มันยังได้รับความนิยม เนื่องจากไอดอลเกาหลีและบล็อกเกอร์ความงาม แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เห็นว่าดอลลี่อายนั้นดูตลกและผิดธรรมชาติ
ทำไมดอลลี่อาย ถึงเคยได้รับความนิยม? ดอลลี่อายมีต้นกำเนิดมาจากมาตรฐานความงามเกาหลี การมีดอลลี่อายทำให้คนคนนั้นดูน่ารัก และอ่อนวัยขึ้น สามารถทำได้ 2 วิธี คือ แบบชั่วคราวและถาวร ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมาก คือ การทำแบบชั่วคราว ด้วยการฉีดฟิลเลอร์หรือไขมันตัวเอง ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่ได้ไม่นานและจะสลายไปได้ทั้งหมด ส่วนแบบถาวรนั้น คือ การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อเทียม ขนาดประมาณ 2 – 3 มม. เข้าไปบริเวณใต้ตา ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างและกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์บริเวณนั้นขึ้นมา เพื่อให้มีดอลลี่อาย
ความนิยมของดอลลี่อายนั้น มีพื้นฐานมาจากรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์และไร้เดียงสาของศิลปินเกาหลีและผู้มีอิทธิพลใน Instagram ซึ่งก็เหมือนกับแฟชั่นอื่นทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นใดก็ตามที่ได้รับการโปรโมตจากสื่อโซเชียล ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วก็จะหายไปเร็วเช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราคิดว่าเวลาความนิยมของดอลลี่อายกำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า
ฟิลเลอร์ริมฝีปาก
การศัลยกรรมหรือเทคนิคแบบ non-invasive ได้รับความนิยมอย่างมากในทางตะวันตก
การมีริมฝีปากที่เต็ม ดูอวบอิ่มเป็นที่นิยมของสาวๆตะวันตกมายาวนาน โดยผู้หญิงมักใช้วิธีการต่างๆเพื่อให้ได้ริมฝีปากนั้น เช่น เทคนิคการแต่งหน้า หรือ การฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปาก สิ่งที่ทำให้ลุคริมฝีปากอวบอิ่มนี้ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ไคลี่ เจนเนอร์ ที่โพสต์รูปลง Instagram พร้อมกับริมฝีปากที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ
ฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นจะต้องฉีดเติมอยู่ตลอด หรือ ริมฝีปากเราแค่กลับมาเล็กเป็นธรรมชาติเหมือนเดิม
เพื่อให้ได้ริมฝีปากที่อวบอิ่มนี้ การฉีดเพียงครั้งเดียวไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีได้ อีกทั้งยังมีราคาแพง อีกทั้งในปัจจุบันแฟชั่นและการแต่งหน้าเริ่มกลับมาสู่ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ความนิยมในการมีริมฝีปากใหญ่ๆ เริ่มจางหายไปตามเวลา
เสริมซิลิโคนหน้าผาก
การเสริมหน้าผาก คือ การผ่าตัดเพื่อเสริมวอลลุ่มและปรับรูปร่างบริเวณหน้าผาก ซึ่งมีคนไข้หลายคนที่ไม่พอใจกับผลลัพธ์หลังผ่าตัด เนื่องจากรูปร่างที่ดูแปลกไป และไม่เนียนไปกับผิวส่วนอื่นๆ โดยเทคนิคการเสริมหน้าผากในปัจจุบันมีอยู่ 3 วิธี คือ การปลูกถ่ายไขมัน และการเสริมด้วยวัสดุเสริม เช่น ซิลิโคน หรือ osteobond
โดยทั่วไปการเสริมหน้าผากจะทำให้หน้าผากดูกลมขึ้น และเนียน คล้ายกับตุ๊กตา ซึ่งในเอเชียไม่นิยมหน้าผากแบน ไม่มีมิติ แต่ในปัจจุบันการเสริมหน้าผากด้วยวัสดุเสริมเริ่มเสื่อมความนิยมลงเรื่อยๆ เนื่องจากผู้คนหันมาใช้วิธีการปลูกถ่ายไขมันแทน เนื่องจากผลลัพธ์ที่เนียนเป็นธรรมชาติ และไม่มีผลข้างเคียงเช่น พังผืดต่างๆอีกด้วย
ฉันไม่ควรทำศัลยกรรมเหล่านั้นใช่หรือไม่?
หากคุณคิดว่าเทคนิคที่กล่าวมาด้านบนนั้น จะช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์และสามารถเติมเต็มความต้องการของคุณได้ ถ้าอย่างนั้นก็ควรลองดู แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การไม่ทำตามแฟชั่นอย่างไม่มีสติ และควรค้นหาแพทย์ที่สามารถเชื่อใจได้ สิ่งที่เราเห็นตัวเองในกระจก อาจแตกต่างกับตัวเราจริงๆ นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ แฟชั่นและความงาม ผ่านมาและผ่านไป แต่รูปลักษณ์ของคุณจะคงอยู่ตลอดไป
ติดต่อที่ปรึกษาของเราได้ ที่นี่
หรือ Line Official: @jwthailand
แหล่งอ้างอิง
(1) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4536060/
(2) https://www.docdoc.com.sg/info/procedure/forehead-augmentation/
(3) https://www.thelist.com/83669/untold-truth-lip-injections/
(4) https://www.glamour.com/story/lip-injections-cost-before-after
(5) https://aestheticsjournal.com/feature/case-study-dissolution-of-ha-filler-in-the-lower-eyelid