ปรึกษาออนไลน์
ศัลยกรรมแก้ไข

แก้ไขจมูก

แก้ไขจมูกอย่างมืออาชีพ
มีความปลอดภัยสูง

การศัลยกรรมแก้ไขจมูก คืออะไร?

คุณควรเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขจมูก หากคุณกำลังประสบปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ทรงจมูกแตกต่างจากความต้องการที่คาดหวัง, ดั้งจมูกสูงเกินไป, ปลายจมูกแหลมมากเกินไป หรือ ผิวหนังบางจนเห็นวัสดุเสริมภายใน, วัสดุเสริมเกิดการเสียหาย หรือจมูกเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ฯลฯ

การผ่าตัดแก้ไขจมูก จำเป็นต้องใช้เทคนิคและประสบการณ์ที่มากกว่าการเสริมจมูกในเคสทั่วๆไป ดังนั้นคุณควรเข้ารับการผ่าตัดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์สูง

  • เวลาผ่าตัด2 ชั่วโมง
  • นอนโรงพยาบาลไม่มี
  • นัดตรวจหลังผ่าตัด2 - 3 ครั้ง
  • การวางยายานอนหลับ หรือ ยาชาเฉพาะที่
  • ตัดไหม5 - 7 วัน หลังผ่าตัด
  • ระยะเวลาพักฟื้นใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังตัดไหม

ศัลยกรรมแก้ไขจมูก เหมาะสำหรับบุคคลต่อไปนี้:

  • ผู้ที่วัสดุเสริมเอียง ไม่ยึดกับที่ หรือสามารถมองเห็นได้จากภายนอก
  • ผู้ที่ผิวจมูกแดง
  • ผู้ที่มีรูปร่างจมูกเห็นได้ชัดเจนว่าผ่านการศัลยกรรมมา
  • ผู้ที่มีอาการอักเสบ หรือติดเชื้อ
  • ผู้ที่จมูกหดสั้น หรือจมูกเชิด

สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขจมูก

ส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ารับการศัลยกรรมจมูกส่วนใหญ่ มักจะไม่เข้ารับการผ่าตัดแก้ไขเมื่อมีปัญหา เนื่องจากคิดว่ามีความเสี่ยงเกินไป และไม่ไว้ใจในการผ่าตัดครั้งใหม่ เนื่องจากความผิดหวังจากการผ่าตัดครั้งก่อนหน้า

อย่างไรก็ตามเราอยากให้คุณเปลี่ยนความคิดนี้ใหม่ และมั่นใจ เชื่อใจในการเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

เวลาที่เหมาะสมในการเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขจมูก ที่ JW?

ไม่ว่าเหตุผลที่จะเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขของคุณคืออะไร เราแนะนำให้คนไข้เข้ารับการผ่าตัด ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังการผ่าตัดครั้งแรก มิฉะนั้นคุณจะต้องรออย่างน้อย 6 เดือน (และอาจมากกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพจมูกของแต่ละบุคคล) ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดครั้งต่อไป เนื่องจากจำเป็นต้องให้เวลาเนื้อเยื่อบริเวณที่ได้รับการผ่าตัดได้ฟื้นฟูเต็มที่

ปัจจัยปัญหาที่คุณควรได้รับการผ่าตัดแก้ไขทันที หลังการผ่าตัดในครั้งแรก มีดังต่อไปนี้

1
จมูกอักเสบ หรือติดเชื้อ
2
วัสดุเสริมเบี้ยว เอียง ไม่สมมาตร
3
บริเวณสัน หรือ ปลายจมูกเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรุนแรง และผิวจมูกบาง

ประเภทของการศัลยกรรมแก้ไขจมูก

1วัสดุเสริมเบี้ยว เอียง

แพทย์จะทำการกำจัดเอาวัสดุเสริมเดิมที่เบี้ยว หรือ ไม่พอดีกับฐานจมูกออก แล้วใส่วัสดุเสริมใหม่ที่ปรับแต่งทรงเรียบร้อย และหากผู้ป่วยมีผิวจมูกที่บาง แพทย์อาจทำการเสริมด้วยหนังแท้ของผู้ป่วยเอง, หนังเทียมทางการแพทย์ หรือ Fascia

2วัสดุเสริมสามารถขยับได้

วัสดุเสริมสามารถที่จะขยับได้ หากทำการเสริมภายใต้ชั้นผิวหนัง ในกรณีนี้แพทย์จะทำการแก้ไข โดยการวางวัสดุเสริมใต้ fascia ของกระดูกจมูก ทำให้วัสดุสามารถยึดติดกับที่ได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตามหาก fascia ได้รับความเสียหายแล้ว จะทำให้ไม่สามารถยึดวัสดุเสริมได้อย่างแน่นหนา แพทย์จะทำการใช้ Gore-tex หรือการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ แทนการเสริมด้วยซิลิโคน

3สามารถมองเห็นวัสดุเสริมได้จากภายนอก

วัสดุเสริมสามารถมองเห็นได้ หากผู้ป่วยมีผิวหนังที่บาง แพทย์จะทำการเสริมความหนาของเนื้อบริเวณจมูก โดยการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อจากตัวผู้ป่วยเองหรือเนื้อเยื่อเทียม และหากสภาพจมูกของผู้ป่วยไม่ดี แพทย์จะเอาซิลิโคนออกและใช้เฉพาะวัสดุเสริมที่มาจากตัวผู้ป่วยเอง เช่น ชั้นหนังแท้ กระดูกอ่อนซี่โครง เป็นต้น

4ผิวจมูกแดงหรือใส

ผิวที่เปลี่ยนเป็นสีแดงหรือใส เกิดจากการไหลเวียนโลหิตไม่ดี เนื่องจากผิวหนังบางลงหลังผ่าตัด หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที จะทำให้ผิวหนังยิ่งบางขึ้นและซิลิโคนภายในอาจทะลุ แพทย์จะทำการกำจัดซิลิโคน หรือกระดูกอ่อนที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ และเสริมผิวหนังด้วยชั้นหนังแท้ของผู้ป่วยหรือเนื้อเยื่อเทียม

5วัสดุเสริมไม่เหมาะกับจมูก

ทรงจมูกที่ดูไม่เหมาะสม เนื่องจากความแตกต่างระหว่างความกว้างของวัสดุเสริม และความกว้างของกระดูกจมูกผู้ป่วย แพทย์จะทำการเปลี่ยนซิลิโคนที่มีขนาดและรูปทรงที่เหมาะสม พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงของผิวจมูกโดยการปลูกถ่ายผิวหนังบริเวณดั้งจมูก ด้วยชั้นหนังแท้, เนื้อเยื่อเทียม หรือ fascia

6จมูกหดสั้น เชิดขึ้น

สำหรับจมูกที่หด เชิด แพทย์จะใช้เทคนิคการปลูกถ่ายกระดูกอ่อนภายในจมูกหรือกระดูกอ่อนซี่โครงจากตัวผู้ป่วยเอง โดยจะทำการคลายเนื้อเยื่อที่ยึดเกาะกันเป็นพังผืดออก และยืดปลายจมูกลง ให้ได้สัดส่วนความยาวและรูปทรงตามปกติ และยึดทรงจมูกไว้ด้วยกระดูกอ่อนภายในจมูก หรือกระดูกอ่อนซี่โครง

7รอยต่อระหว่างวัสดุเสริมและจมูก

รอยต่อระหว่างวัสดุเสริมและจมูก จะเห็นชัดโดยเฉพาะเวลายิ้ม แพทย์จะแก้ไขปัญหานี้โดยการใช้วัสดุเสริมที่มีความยาวมากขึ้นและเหลาวัสดุเสริมช่วงปลายจมูกให้บางลง เพื่อไม่ให้แตกต่างกับผิวบริเวณปลายจมูก

8ผลข้างเคียงจากการฉีดสารแปลกปลอมที่ผิดกฎหมาย

สารแปลกปลอมที่ฉีดเข้าไปไม่สามารถกำจัดออกได้ทั้งหมด 100% อย่างไรก็ตาม แพทย์จะพยายามกำจัดสารแปลกปลอมออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นจะเสริมด้วยกระดูกอ่อนจากตัวผู้ป่วยเอง

ความยากง่ายของการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับการกระจายของสารแปลกปลอมที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย เพราะฉะนั้นควรเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขกับศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง


ผู้ป่วยหลายคนได้รับการฉีดสารแปลกปลอม จากหมอกระเป๋า(แพทย์ผิดกฎหมายหรือไม่ผ่านการรับรองจากสมาคมศัลยแพทย์พลาสติก) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในอดีต แม้บุคคลเหล่านั้นกล่าวอ้างว่าฉีดคอลลาเจนหรือโบท็อกซ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาใช้ซิลิโคนหรือพาราฟินในการฉีดให้คนไข้ ซึ่งทั้งซิลิโคนและพาราฟินสามารถแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆทันทีที่ฉีดเข้าไปในร่างกายและยากที่จะเอาออก แม้จะไม่เกิดปัญหาใดในช่วงแรกที่ฉีด แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาจเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงตามมา เช่น การติดเชื้อ, ผิวด่าง, เนื้อเยื่อตาย, ปวดหัวไม่มีสาเหตุ ฯลฯ

9ปุ่มกระดูกจมูก(Hump) กลับมาโก่งเหมือนเดิม

มีความเป็นไปได้สูงที่ ฮัมพ์ หรือ ปุ่มกระดูกที่นูนขึ้นมา ลักษณะคล้ายหลังอูฐ จะกลับมาโก่งเหมือนเดิมหรือปลายจมูกตก ทำให้ทรงจมูกกลับไปเหมือนกับเวลาที่มีฮัมพ์อยู่ แพทย์จะทำการแก้ไขโดยการตัดกล้ามเนื้อที่ยึดช่วงปลายจมูก ทำให้ปลายจมูกยกขึ้น

10การกำจัดปุ่มกระดูกจมูก(Hump) มากเกินไป

เมื่อกำจัดฮัมพ์มากเกินไป กระดูกจมูกจะเป็นโพรง ทำให้ช่วงกลางสันจมูกเป็นหลุมลงไป แพทย์จะทำการแก้ไขด้วยการปลูกถ่ายกระดูกอ่อน หรือ เนื้อเยื่อจากตัวผู้ป่วย

11ปลายจมูกแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ

ในกรณีที่วัสดุเสริมยาวไปจนถึงปลายจมูก จะทำให้ปลายจมูกแหลมและแข็งเกินไป แพทย์จะทำการแก้ไขให้ปลายจมูกเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยการเปลี่ยนวัสดุเสริมที่มีขนาดเหมาะสม ไม่ยาวถึงปลายจมูก

12ร่างกายต่อต้านซิลิโคน

อาการแพ้ซิลิโคน เป็นอาการที่พบได้ไม่บ่อยนัก โดยผู้ป่วยจะมีปลายจมูกบวมแดง, มีอาการบวมซ้ำแล้วซ้ำอีก, บริเวณที่บวมจะอ่อนนิ่ม และบริเวณผิวหนังที่ผ่าตัดจะกลายเป็นสีแดง ในกรณีนี้แพทย์จะทำการถอดซิลิโคนออกและเปลี่ยนใส่วัสดุใหม่ที่มีความปลอดภัย

13ทรงจมูก Invert-V และ ดั้งจมูกยุบ(Saddle Nose)

ทรงจมูก Invert-V

เส้นรอยต่อระหว่างกระดูกจมูกและกระดูกอ่อนจมูก มีลักษณะเป็นตัว V คว่ำ เนื่องจากหลังการผ่าตัดลดฮัมพ์ กระดูกอ่อนจมูกจะแคบลงเข้าด้านใน เมื่อเทียบกับกระดูกจมูก นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการบาดเจ็บของจมูกได้อีกด้วย แพทย์จะแก้ไขโดยการปลูกถ่ายกระดูกอ่อนภายในจมูก

ดั้งจมูกยุบ(Saddle Nose)

ดั้งจมูกยุบ เกิดขึ้นหลังการผ่าตัดกระดูกอ่อนภายในจมูก และกระดูกอ่อนจมูกยุบตัวลง ทำให้ช่วงกึ่งกลางของดั้งจมูกยุบเป็นหลุม แพทย์จะเลือกวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมกับความรุนแรงของปัญหา โดยการใช้กระดูกอ่อนหลังหู หรือ กระดูกอ่อนซี่โครงผู้ป่วย

Camouflage Method
Structural Graft using Rib Cartilage

14กระดูกอ่อนปลายจมูกยุบ

หากกระดูกอ่อนช่วงปลายจมูกภายในยุบตัวลง เวลาหายใจเข้า จะทำให้คนไข้หายใจลำบาก เนื่องจากกระดูกอ่อนปิดรูจมูก การผ่าตัดแก้ไขในกรณีนี้จะเป็นไปเพื่อการแก้ไขปัญหาสุขภาพ ไม่ใช่เพื่อความสวยงาม โดนแพทย์จะทำการเสริมปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนใบหู เพื่อช่วยยกกระดูกอ่อนจมูก

15ดั้งจมูกต่ำหรือสูงเกินไป

ความสูงของดั้งจมูก สามารถปรับได้ตามความต้องการของผู้ป่วย ซึ่งเป็นปัญหาการผ่าตัดที่ง่ายเมื่อเทียบกับปัญหาอื่นๆ

16แก้ไขทรงจมูก

ผู้ป่วยแต่ละคนมีความชอบที่แตกต่างกันไป บางคนชอบทรงจมูกที่มีลักษณะตรง บางคนชอบทรงจมูกที่โค้งงอนขึ้นเหมือนบาร์บี้ แพทย์จะทำการแก้ไขโดยการปรับทรงของวัสดุเสริม และในบางรายแพทย์อาจทำการผ่าตัดเพิ่ม เพื่อลดหรือเพิ่มความสูงของปลายจมูก

17ปัญหาด้านสุขภาพ

ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดปัญหาผนังกั้นโพรงจมูกเบี้ยว หรือปัญหา turbinate แพทย์จะทำการประเมินอาการและตรวจภายในจมูกอย่างละเอียด

Turbinate เกิดจากกระดูกและเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งสามารถขยายใหญ่ขึ้นได้ เมื่อ turbinate บวมใหญ่ขึ้น เราเรียกว่า hypertrophic turbinates ซึ่งอาจอุดตันรูจมูก ทำให้หายใจไม่สะดวก แพทย์จะทำการผ่าตัดลดขนาด turbinate เพื่อแก้ไขปัญหาทางสุขภาพ

18การแก้ไขการยุบตัวลงของ Nasal valves

Internal nasal valve เป็นส่วนที่คล้ายร่องระหว่างผนังกั้นโพรงจมูกและส่วนขอบของกระดูกอ่อนจมูกส่วนบน ซึ่งปัญหาจมูกบีบเข้าหากันอาจเกิดจากปัญหาผนังกั้นโพรงจมูกส่วนบนเบี้ยว และกระดูกอ่อนข้างๆยุบตัวลง และส่วน External nasal valve เป็นบริเวณที่มีพื้นที่และวอลลุ่มมากกว่า Internal nasal valve การกำจัดกระดูกอ่อนปลายจมูกมากเกินไป ในระหว่างการผ่าตัดอาจทำให้ส่วน External nasal valve ยุบตัวลง
เทคนิคการผ่าตัดแก้ไขปัญหานี้ คือ การปลูกถ่ายกระดูกอ่อนปลายจมูก คือ alar rim graft, alar batten graft, lateral crural onlay graft และ lateral crural strut graft

19ปลายจมูกแหลม (Pinched nose)

ปลายจมูกแหลม เป็นลักษณะปลายจมูกที่ไม่สวยงาม โดยปลายจมูกมีความแคบ แหลม และร่องบริเวณปีกจมูกมีความลึก ปัญหาเหล่านี้เกิดจากกระดูกอ่อนจมูกส่วนล่างไม่แข็งแรง, ยุบตัวลง หรือ อยู่ผิดตำแหน่ง จากการผ่าตัดครั้งก่อนหน้า หรือการบาดเจ็บบริเวณจมูก

ปัญหาปลายจมูกแหลมนี้ อาจทำให้เกิดปัญหาการหายใจไม่สะดวก เนื่องจากการยุบตัวของจมูกภายนอก แพทย์จะทำการแก้ไขใช้เทคนิค cartilage batten graft, alar rim graft หรือ lateral crural graft

20ปลายจมูกไม่สมมาตรและติ่งปลายจมูก(columellar)เบี้ยว

ปลายจมูกที่ไม่สมมาตรหลังการผ่าตัด มักจะมาพร้อมกับปัญหา columellar เบี้ยว และความไม่สมดุลของรูจมูก แพทย์จะใช้เทคนิคการแก้ไขที่แตกต่างกันไปตามสาเหตุของปัญหา

การศัลยกรรมแก้ไขจมูก

จำเป็นต้องใช้เทคนิคและประสบการณ์ที่หลากหลายของศัลยแพทย์

ทำไมต้องศัลยกรรมแก้ไขจมูกที่ JW?

ระบบการดูแลและจัดการหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันการผ่าตัดแก้ไขซ้ำ
การดูแลบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังการวางยา
ปรับแต่งเทคนิคและวิธีการที่เหมาะสมในแต่ละเคส
วางแผนการผ่าตัดอย่างละเอียด โดยพิจารณารูปหน้าและทรงจมูกของผู้ป่วยในอีก 10 ปี ข้างหน้า
การวิจัยเทคนิคผ่าตัดศัลยกรรมจมูกอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมเชิงวิชาการ
เทคนิคและประสบการณ์ผ่าตัดที่หลากหลาย ช่วยให้คุณได้รับความพึงพอใจสูงสุดหลังผ่าตัด

ข้อควรระวัง ก่อนศัลยกรรมแก้ไขจมูก

  • งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัด
  • งดยาและอาหารเสริมต่างๆ ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด (ยาเม็ดคุมกำเนิด, ยาฮอร์โมน, วิตามินอี, แอสไพริน ฯลฯ) อย่างน้อย 2สัปดาห์ก่อนผ่าตัด หากคุณมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน หรือไทรอยด์ จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
  • งดบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด
  • อาการหวัด อาจส่งผลต่อหลอดลมและระบบทางเดินหายใจได้ เพราะฉะนั้นหากคุณมีอาการหวัดในวันที่ผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ง่ายต่อการถอดใส่ เช่น เสื้อกระดุมหน้า หรือชุดหลวมๆ
  • ควรอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด งดแต่งหน้า / ใส่คอนแทคเลนส์ / ทาเล็บ และงดใส่เครื่องประดับมีค่ามาในวันที่ผ่าตัด

ข้อควรระวัง หลังศัลยกรรมแก้ไขจมูก

  • หลีกเลี่ยงการกดทับหรือนวดบริเวณที่ผ่าตัด สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ แต่ควรงดซาวน่า แช่น้ำร้อน อย่างน้อย 1 เดือนหลังผ่าตัด
  • รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงการใช้ ยาฮอร์โมน หรือแอสไพริน
  • งดบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 เดือน
  • ประคบเย็นหลังผ่าตัด 3 วัน หลังจากนั้นประคบอุ่นต่อ ประมาณ 2-3 วัน ควรนอนยกหัวให้สูงกว่าหัวใจเพื่อป้องกันเลือดคั่ง และช่วยให้อาการบวมลดลงเร็วขึ้น
  • แนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆ หลังผ่าตัด เช่น การเดิน จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เช่น เต้นแอโรบิค ว่ายน้ำ เป็นต้น อย่างน้อย 1 เดือนหลังผ่าตัด

ด้วยประสบการณ์การทำศัลยกรรมจมูก มากกว่า 20ปี

ศัลยแพทย์ JW ทุ่มเทเทคนิคและประสบการณ์ที่หลากหลาย
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของคุณ

เรามีการใช้คุกกี้เพื่อให้คุณทำสิ่งต่างๆบนเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น คุณสามารถจัดการหรือปิดการใช้งานคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว.
ยอมรับตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

GDPR