สวัสดีค่ะ ทุกคน!
ฉันอยากมาแชร์ประสบการณ์การศัลยกรรมจมูกของฉันกับทุกคนค่ะ!
นี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากทำมาตลอด 12 ปี ตั้งแต่ฉันอายุ 15 ปี ฉันศึกษาค้นคว้าและเก็บเงินในการศัลยกรรมจมูกที่เกาหลีอยู่หลายปี
จริงๆแล้วนี่เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของฉัน การเดินทางครั้งนี้ อารมณ์ฉันขึ้นๆลงๆตลอดเวลา ฉันต้องใช้ความพยายามและความกล้าอย่างมากในการเข้ารับการศัลนยกรรม ดังนั้นฉันจึงได้เขียนบันทึกประสบการณ์ครั้งนี้ขึ้นมา เพราะหวังว่ามันจะช่วยเหลือคนอื่นได้บ้าง เหมือนบล็อกเกอร์คนอื่นๆ
ฉันรู่ว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงทุกๆคนอาจจะรู้สึกกลัวบ้างไม่มากก็น้อย ในอินเทอร์เน็ตนั้นมีข้อมูลและรีวิวมากมาย ฉันหวังว่าบันทึกของฉันจะมีส่วนช่วยให้คนที่กำลังเป็นกังวลหรือกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการศัลยกรรมไม่มากก็น้อย
Tips & Tricks
ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันมีมาจากการค้นหาข้อมูลรวมถึงการปรึกษาตัวต่อตัวกับแพทย์ ฉันรู้สึกเหนื่อยมากที่ต้องเดินทางไปปรึกษาหลายๆที่ ตอนนั้นฉันแค่อยากจะยอมแพ้แล้วก็เลือกไปที่คลีนิคไหนก็ได้ที่ฉันเจอแล้วก็ทำที่นั่นมันซะเลย
สิ่งที่ช่วยฉันได้มากที่สุด คือ การจดบันทึก, การซื่อสัตย์กับตนเองและสถานพยาบาล เช่น เมื่อฉันรู้สึกไม่แน่ใจและต้องการเวลาคิด ฉันจะให้เวลากับตัวเองและเชื่อมั่นว่าฉันจะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ถ้าคุณมีเวลาคุณอาจจะเข้าไปพบแพทย์หรือคลีนิคเดิมอีกครั้ง เมื่อมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ในกรณีของฉัน ฉันจำเป็นจะต้องถามเกี่ยวกับ ‘รอยบุ๋ม’ บริเวณจมูก
เคล็ดลับในการปรึกษา
- เขียนสิ่งที่เป็นกังวลและสิ่งที่ต้องการแก้ไข
- จดโน๊ต คำอธิบายของแพทย์ระหว่างปรึกษา
- จดคำถาม ข้อสงสัยต่างๆที่ต้องการถามแพทย์
- ไม่ต้องกลัวที่จะกลับเข้าไปที่โรงพยาบาลอีกเป็นครั้งที่สอง (เหมือนที่ฉันทำ) หรือของคิวกับศัลยแพทย์หลายๆท่านในคลีนิคเดียวกัน
แม้ว่าจะดูเยอะมากไปหน่อย แต่สิ่งเหล่านี้ช่วยฉันเป็นอย่างมาก ตอนที่กลับมาโรงแรม ฉันพบว่าบันทึกพวกนี้ช่วยให้ฉันได้เปรียบเทียบและวิเคราะห์อย่างละเอียด ถึงสิ่งที่แพทย์ได้แนะนำและตอบคำถามของฉัน
นี่เป็นคำถามบางส่วนที่ฉันถามคุณหมอค่ะ:
- จะใช้วิธีการใดในการผ่าตัด?
- จะใช้วัสดุเสริมอะไรในการผ่าตัด?
- อัตราการติดเชื้อในการใช้วัสดุเสริมแบบต่างๆ?
- อธิบายวิธีการผ่าตัดได้ไหม?
- ให้คุณหมอโชว์เคสผ่าตัดที่ใกล้เคียงกับเคสของคุณ
- หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น จะทำอย่างไร?
- จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณตื่นระหว่างการศัลยกรรม? ฯลฯ
การปรึกษา & ราคา
นี่เป็นรูปจมูกของฉันก่อนศัลยกรรมค่ะ (ขอโทษสำหรับ close up นะคะ 55) อย่างที่คุณเห็นว่าจมูกของฉันค่อนข้างสั้น, ปลายจมูกหนา และรูจมูกไม่เท่ากัน ซึ่งสิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดคือบริเวณรูจมูกค่ะ
Note: ราคาจะแตกต่างกับไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ฉันไม่แน่ใจว่ามันจริงหรือไม่ แต่ฉันรู้มาว่าแต่ละโรงพยาบาลจะเช็คราคาทุกๆ 6 เดือน เพราะฉะนั้นราคาการผ่าตัดบางอย่างอาจขึ้นลงได้
ฉันปรึกษาศัลยกรรมจมูกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ JW และนี่คือสิ่งที่คุณหมอแนะนำค่ะ:
ตกแต่งปลายจมูก, ยืดจมูกให้ยาวขึ้น และเสริมบริเวณปีกจมูก
การปรึกษาครั้งแรกของฉัน คือ ที่โรงพยาบาล JW ฉันได้พบกับเจนนี่ (ที่ปรึกษาอังกฤษ) กรอกแบบฟอร์มและถ่ายรูปสำหรับการปรึกษา จากนั้นก็เข้าไปพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการศัลยกรรมจมูก ซึ่งคุณหมอพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เขาดูจมูกของฉันและบอกกับฉันในทันทีถึงปัญหารูจมูกที่ไม่เท่ากัน และถามว่าฉันชอบดั้งจมูกของตัวเองหรือไม่ ฉันบอกกับคุณหมอไปตามตรงว่าฉันไม่ได้กังวลเรื่องดั้งจมูกเท่าไหร่ คุณหมอจึงบอกว่าเจาคิดว่าดั้งของฉันโด่งพอดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสริมให้โด่งมากขึ้นไปอีก และแนะนำ 3 ขั้นตอนการผ่าตัดข้างต้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่ฉันกังวลอยู่
คุณหมอได้อธิบายถึงวิธีการผ่าตัด รวมถึงวัสดุที่เขาจะใช้ด้วย:
- เสริมบริเวณปีกจมูกส่วนบน ด้วยกระดูกอ่อนใบหู
- ยืดและตกแต่งปลายจมูก ด้วยกระดูกอ่อนผนังกั้นโพรงจมูกและกระดูกอ่อนหู
คุณหมอบอกว่าสิ่งสำคัญในการทำจมูกของฉันคือ การยืดความยาวจมูก, ลดการมองเห็นรูจมูกที่มากเกินไป และทำให้สมมาตรมากขึ้น นอกจากนี้คุณหมอเตือนกับฉันอีกว่ารูจมูกทั้งสองข้างนั้นไม่สามารถทำให้เท่ากันได้ 100% ฉันโชว์รูปแบบจมูกที่ฉันอยากได้ให้หมอดู แต่คุณหมอก็ได้อธิบายให้ฉันฟังอย่างตรงไปตรงมา ว่าจมูกเหล่านั้นค่อนข้างยาวเกินไปสำหรับฉัน และมันจะทำให้หน้าของฉันดูแก่และไม่เป็นธรรมชาติ แม้ว่ามันจะทำให้ฉันผิดหวังเล็กน้อย แต่ฉันก็ชื่นชมในความเป็นมืออาชีพและความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาของเขา ฉันรู้สึกได้ว่าเข้าสามารถจัดการกับความคาดหวังของฉันให้อยู่ในความเป็นจริงในสิ่งที่สามารถทำได้ และรับฟังความต้องการของฉัน
การดูแลหลังผ่าตัด
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นคนประเภท เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียต่างๆ แต่เวลานี้มีหลายอย่างมากที่ฉันจำเป็นต้องคิดค่ะ
ฉันกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย หน่อยล้า และไม่ทานอะไรเลยทั้งวัน เพราะฉันต้องเดินทางไปมาเพื่อปรึกษาแต่ละโรงพยาบาล พักประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อไตร่ตรองและเดินทางไปอีกที่ ที่ปรึกษาของฉันทุกคนให้โอกาสฉันตัดสินใจโดยไม่เร่งเร้า ขอบคุณจริงๆค่ะ
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจเลือกจากสองปัจจัย คือ การดูแลหลังผ่าตัด และการดูแลให้บริการของที่ปรึกษา หลังผ่าตัด
อย่าเข้าใจฉันผิดนะคะ คลีนิคสองที่สุดท้ายที่ฉันไปปรึกษา ที่หนึ่งเขามีการดูแลหลังผ่าตัดตามปกติคือ มีการทำแผลและตัดไหม และอีกที่หนึ่งมีบริการลดบวมโดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และหลังผ่าตัดฉันจะได้รับใบสั่งยา เพื่อซื้อยาเองที่ร้านขายยา ซึ่งไม่เหมือนกับที่ JW เลย
ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างซุ่มซ่าม เพราะฉะนั้นการที่มีคนแจ้งวิธีการใช้ยา ทำแผล หรือสระผมให้เวลาที่ฉันไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองนั้น มันทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น 10 เท่าค่ะ นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือ ฉันสามารถติดต่อที่ปรึกษาได้ตลอดเวลา เพราะฉันรู้ตัวเองดีว่าฉันเป็นคนขี้สงสัย และจะมีคำถามหลังศัลยกรรมอีกเยอะ ฉันรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเจนนี่จะยังคงดูแลฉันแม้ว่าฉันจะกลับประเทศไปแล้ว
การดูแลหลังผ่าตัดของ JW :
- นัดติดตามผลหลังผ่าตัด X 4:
- Day 2 – ทำความสะอาดแผล, นำผ้าพันแผลบริเวณหูและสำลีที่อุดจมูกออก, เลเซอร์ลดบวม
- Day 5 – ทำความสะอาดแผลที่จมูกและหู, นำเฝือกจมูกออก, เลเซอร์ลดบวม, สระผม
- Day 7 – ทำความสะอาดแผลที่จมูกและหู, ตัดไหม, เลเซอร์ลดบวม
- Day 10 – ทำความสะอาดแผลที่จมูกและหู, เลเซอร์ลดบวม, สระผม
- บริการสระผม X 2 (ฉันเลือกวันเอง ตามด้านบน)
- Care pack ตามรูปด้านล่าง ประกอบไปด้วย: ตาหลังผ่าตัด, อุปกรณ์ทำแผลและวิธีการใช้ ในการทำความสะอาดแผลจมูก, เจลประคบ และน้ำฟักทอง
- รถรับ-ส่ง สนามบินและโรงแรม
ฉันจะเล่าเกี่ยวกับวันผ่าตัดในบล็อกถัดไปนะคะ
ขอบคุณค่ะ !