ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรรมจมูก และประธานสมาคมศัลยแพทย์จมูกแห่งประเทศเกาหลี นายแพทย์ซอมันกุน (Dr. Suh Man Koon) ได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายเรื่อง ‘เมื่อใดและวัสดุใดที่เหมาะสมในการผ่าตัดแก้ไขจมูก’ ณ Malaysian Association of Plastic, Aesthetic and Craniomaxillofacial surgeons (MAPACS)
เทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่ของ Dr.Suh จะช่วยลดระยะเวลารอคอยในการผ่าตัดแก้ไขจมูกที่เคยทำมา ปกติแล้วการติดเชื้อหลังการศัลยกรรมจมูกเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก โดยที่โรงพยาบาลศัลยกรรม JW มีรายงานการติดเชื้อของคนไข้ น้อยกว่า 0.3% โดยน้อยกว่าอัตราค่าเฉลี่ยการติดเชื้อของคนไข้ทั่วโลกมากถึง 1~3%
อย่างไรก็ตามคนไข้ส่วนใหญ่มักจะมาที่ JW เพื่อแก้ไขปัญหาการติดเชื้อหลังผ่าตัดที่ทำมาจากสถานพยาบาลอื่นๆ โดยสัญญาณและอาการติดเชื้อหลังการผ่าตัดนั้น มีหลายประการ ได้แก่ บวม, เจ็บปวด, อาการแดง, แสบร้อนในจมูก เป็นต้น
การติดเชื้อในบริเวณพื้นที่จำกัด เช่น เนื้อเยื่ออ่อนของจมูก สามารถรักษาได้ง่ายด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ในกรณีการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับวัสดุเสริม เช่น ซิลิโคน จำเป็นต้องพิจารณาการผ่าตัดนำวัสดุเสริมนั้นออก ซึ่งกรณีนี้ควรกำจัดวัสดุเสริมและเนื้อเยื่อพังผืดรอบๆออกไปพร้อมกัน และฆ่าเชื้อด้วยยาปฏิชีวนะ
ก่อนหน้านี้ตามหลักการแพทย์แล้ว หากเกิดการติดเชื้อหลังการผ่าตัด คนไข้จำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาอาการติดเชื้อให้หายดีก่อน แล้วจึงจะผ่าตัดแก้ไขทรงจมูก ซึ่งใช้เวลาหลายเดือนถึง 1 ปี
ในบางกรณี อาการผิดปกติที่ปลายจมูกอาจเกิดขึ้นหลังจากการถอดวัสดุเสริมออก และระหว่างการรักษาอาการติดเชื้อ เช่น ปลายจมูกเชิด หรือ ปลายจมูกยุบตัวลง เนื่องจากการหดตัวของพังผืด หรือ อาจทำให้ผิวบริเวณปลายจมูกบางลง โดยอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการรอการผ่าตัดแก้ไข ดังตัวอย่างด้านล่าง
จากภาพประกอบ ภาพ 2 (A) คือ ก่อนถอดวัสดุเสริม และภาพ 2 (B) คือหลังจากถอดวัสดุเสริม 3เดือน และรักษาอาการติดเชื้อเรียบร้อย แต่ปลายจมูกกลับเชิดขึ้น ทำให้ดูแย่ลง สิ่งนี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรงต่อคนไข้ที่กำลังรักษาการติดเชื้อ และรอการผ่าตัดแก้ไข
เพื่อป้องกันการเกิดความผิดปกติกว่าเดิมของจมูก ในขณะที่มีการติดเชื้อและเพื่อบรรเทาความเครียดของคนไข้ ดร.ซอ จากโรงพยาบาล JW ได้พัฒนาการผ่าตัดแก้ไขจมูกพร้อมกับการรักษาอาการติดเชื้อที่จมูกไปพร้อมกัน
โดยการผ่าตัดมีอยู่ด้วยกัน 2เงื่อนไข คือ การควบคุมและรักษาอาการติดเชื้อ พร้อมทั้งผ่าตัดแก้ไขทรงจมูก ซึ่งวัสดุที่ใช้นั้นควรมาจากเนื้อเยื่อจากตัวของคนไข้เอง เช่น Dermofat หรือการนำชั้นหนังแท้และไขมันมาเสริมบริเวณดั้งจมูก และการใช้กระดูกอ่อนสำหรับปลายจมูก โดยจะเลือกจะใช้เป็นกระดูกอ่อนใบหู, กระดูกอ่อนภายในจมูก หรือกระดูกอ่อนซี่โครงนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพจมูกของคนไข้
ปลายจมูกเชิด หรือ ปลายจมูกยุบตัวลง เนื่องจากการหดตัวของพังผืด สามารถผ่าตัดแก้ไขพร้อมกับการรักษาอาการติดเชื้อได้ และการปลูกถ่าย Dermofat สามารถทำได้สำหรับการเสริมบริเวณดั้งจมูก
ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อหลังการผ่าตัดแก้ไข หรือการผ่าตัดที่สามารถทำได้เร็วกว่าเทคนิคของ ดร.ซอ
จากภาพประกอบ ภาพ 3 (A) คือ ปลายจมูกเชิดขึ้นเนื่องจากการหดตัวของพังผืดและการติดเชื้อ และภาพ 3 (B) คือหลังจากผ่าตัดแก้ไขโดยการถอดวัสดุเสริมเก่า, กำจัดพังผืด, รักษาอาการติดเชื้อ และยืดปลายจมูกด้วยการใช้กระดูกอ่อนใบหู
เทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่นี้ ได้นำเสนอเป็นครั้งแรก ณ งานประชุมวิชาการศัลยกรรมความงามพลาสติกนานาชาติ ที่จัดขึ้นในกรุงโซล ปีนี้ และอีกครั้ง ณ Malaysian Association of Plastic, Aesthetic and Craniomaxillofacial surgeons (MAPACS)
คลิกที่นี่ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศัลยแพทย์ซอมันกุน